บันทึกเที่ยว เชียงคาน ปั่นจักรยานตะลุยหมอก Chiangkan : เที่ยวกับติส

22:17:00 Pr informativeness 1 Comments

เมื่อย่างเข้าสู่เดือน พฤศจิกายน อากาศเริ่มเย็นประปราย ก็ถึงเวลาเข้าสู่หน้าหนาวกันแล้ว ร่างกายต้องการอากาศหนาวๆ อยากได้ฟิลแบบโรแมนติกหน่อยๆ หลังจากที่บาดเจ็บกับทริป บันทึกเที่ยว วังเวียง และ บันทึกเที่ยว น้ำตกเอราวัณ ที่มันควรจะหนาว หน้าของเราควรจะปะทะกับอากาศหนาวๆ จนหน้าแตกไม่ใช่หรอ ??? ดันอากาศร้อน แดดแรงๆ กระแทกเข้าที่หน้าทั้ง 2 ทริป ....... แต่ไม่เป็นไร เราจะไม่ยอมแพ้ ในทริปนี้เราควรแตะความเย็นได้บ้างล่ะวะ ไปกันเลย

บันทึก เที่ยวเชียงคาน ไปปั่นจักรยานตะลุยหมอก

แจกขนมแล้วววว เรามาลุ้นของข้างในกันดีกว่า
ชิ้นแรก
 และ กาแฟ แต่ต้องไปชงกับน้ำร้อนที่จุดพักรถ
 รถแต่ละคันจะมีเวลาให้พักประมาณ 20 นาที หางตั๋วจะแลกได้ใบละ 20 บาท มั้ง ประมาณนี้แหละ
จุดพักรถ มีร้านขายผลไม้ อาหาร ลูกชิ้น ขนมจีบ ของฝาก เยอะแยะมากมาย แต่ราคาชาร์จนิดหน่อย
 ตอนรอที่พักมารับ เราก็ยืนดูน้องหมาไปก่อน เพลินๆ
ด้านหน้าที่พัก มีมุมให้ถ่ายรูป น่ารักดี
ติดต่อห้องพักได้เลยจ๊าาาา
 ที่จริงจะทะลุอีกฝั่งได้ ซึ่งอีกฝั่งจะดูใหม่ ดูโมเดิร์นกว่า ส่วนฝั่งของเราจะดูบ้านๆ ได้ฟิลดี
 ห้องพักเราอยู่ชั้น 2
ออกมาหน้าระเบียง จะมีเก้าอี้ และฟูกนอน ให้เราออกมาดื่มด่ำยามค้่ำคืน

 มาถึงห้องน้ำกันบ้าง ...... ห้องน้ำเล็กๆ แต่สะอาด ผ่าน สบายใจละ 5555

 ผ้าเช็ดตัว 2 ผืน มาพร้อมกับ ซันซิล และสบู่

 ตอนกลางคืน ออกมานอนดูดาว โรแมนติก ปะล่ะ
ที่พักของเรามีจักรยานให้ใช้ฟรีจ๊าาาาา
 ปั่นมาดูวิว ที่แม่น้ำโขง
 บ้านเก่าๆ ดูคลาสสิค


ปั่นมาเรื่อยๆ เราจะเจอกับวัด ศรีคุนเมือง
ตั้งอยู่ซอย 7 ถนนชายโขง เค้าบอกว่าที่วัดนี้เป็นแหล่งรวมศิลปะ ล้านนา และล้านช้าง และมีศิลปะวัตถุที่สำคัญ เช่น พระพุทธรูปไม้จำหลัก ลงรัก ปิดทอง ปาง ประทานอภัยแบบล้านช้าง






 มีความกลมกลืน
 เส้นทางรถถีบ จะบอกทางแบบง่ายๆ ว่าเราสามารถไปปั่นไปที่ไหนได้บ้าง

 เส้นทางไปแก่งคุดคู้
 เส้นทางไปชมทะเลหมอก ภูทอก
 สั่งโจ๊กมาเลยจ๊า คนละชาม
มีหมูสับ หมูยอ ไข่ โรยกระเทียมหน่อยๆ
 มาคุยกันถึงเรื่องรสชาติ ........พร้อมละนะ "คือ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยกินโจ๊กอะไรที่มันไร้รสชาติขนาดนี้มาก่อนในชีวิต จืดมากกกกกกกก เหมือนเอาข้าวไปผสมกับน้ำเปล่าให้กิน โอ้โห เท แมคกี้ไป 3 รอบใหญ่ ยังคงจืดอยู่ เหมือนกินน้ำเปล่ากับข้าวไปพร้อมกัน ส่วนหมูน่ะหรอ จืดพอๆกับข้าวเลย เกิดไม่เคยพบเคยเจอ ใครที่ทำโจ๊กได้รสชาติส้นตีน ขนาดนี้มาก่อน" กระเพาะช็อคไปเป็นที่เรียบร้อย

มื้อนี้โดนไป 90 บาท โจ๊ก 2 ชาม กับน้ำเปล่า 1 ขวด

พักผ่อนไปได้ประมาณ 3 ชั่วโมง กระเพาะเราเริ่มกลับมาแล้ว มันเริ่มหิวแล้วววววว
เราจะออกไปหาอะไรกินกัน แล้วจะปั่นไปแก่งคุดคู้

มื้อนี้เราจะมากินแถวริมโขง เอาบรรยากาศ จนมาเจอร้านี้ ดูดี วิวดี ตอนแรกยังไม่รู้ชื่อร้านนะ เพราะเรามาทางริมโขง

บรรยากาศดีมั้ยล่าาาาาาา
เราจะมาลองเสี่ยงกันกับร้านนี้
เมนูแรก ยำไข่เยี่ยวม้า รสชาติปกติ แต่ไม่แซ่บเท่าไหร่ กลางๆ
เมนูที่สอง แกงส้มชะอมกุ้ง เป็นถ้วย รสชาติ เปรี้ยวๆ ชะอมแก่มาก แอบขม และแข็งตำปาก 5555 กุ้งตัวเกือบใหญ่ได้ 4 ตัว
กับข้าว 2 อย่าง
ข้าว 2 จาน
เบียร์ 1 ขวด
น้ำเปล่า 1 ขวด
น้ำแข็ง 1 ถัง

รวมมื้อนี้ราคา 470 บาท ราคาร้านอาหารอ่ะแหละ
 เดี๋ยวเรามาดูกัน ว่าทำไม ราคาถึงแอบแพง
 เพราะที่นี่คือออออ ร้านอาหาร เฮือนฝ้ายคำ นั่นเองงงงงงงงงง
 โผล่มาด้านหน้าถึงได้รู้ ว่าอ้อ กินร้านนี้หรอเนี่ย 5555
 ขับเข้าไปตามทางสักพัก เราก็จะพบกับ แก่งคุดคู้ ปั่นมาจนเจบตูด 5555
 มีร้านขายของ คล้ายๆ กับถนนคนเดิน
 แก่งคุดคู้ เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ ที่ขวางอยู่กลางลำโขง ประกอบด้วยหินขนาดใหญ่จำนวนมาก ตัวแก่งมีขนาดกว้างเกือบเท่าแม่น้ำโขง มีกระแสน้ำไหลผ่านในช่องแคบๆ กระแสน้ำแรง เชี่ยวกราด มาก
 คนนี้ใครไม่รู้อ่ะ

มีแค่นี้แหละ 555555 มาตอนช่วงน้ำเยอะพอดี เลยมองไม่ค่อยเห็น
ถ้าอยากเห็นแก่งชัดๆ ต้องมาช่วง กุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม

 มาแก่งเจอแบบนี้เข้าไป ก็ไม่รู้จะยังไงต่อ อุตส่าปั่นจักรยานมาจนปวดตูด เอางี้ เดี๋ยวเราจะไปนั่งเรือล่องแม่น้ำโขง ดูพระอาทิตย์ตกกัน

ค่าเรือคนละ 40 บาท เราได้รอบสุดท้ายพอดี

พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว




 มันเป็นอะไรที่ดีต่อใจมากเลย
 ลมเย็นๆ กับวิวพระอาทิตย์ตก

อาทิตย์ลับขอบฟ้า
 ถนนคนเดินจ๊าาาา คึกคักมากในคืนวันเสาร์

ถ้ามาเที่ยวเชียงคาน แล้วไม่มาเดินถนนคนเดินเชียงคานก็บ้าแล้วแกร เพราะที่พักมันอยุ่กับถนนคนเดินไม่เดินได้ไง เนอะ พวกนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเดินชมบ้านเรือนโบราณที่มีอายุกว่า 100 ปี เราต้องมาช็อปปิ้ง ซื้อของฝาก เดินหาของกิน Food street อ่ะแกรรร เดินกินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็อิมเอง
 โดยเฉพาะการตกแต่งหน้าร้าน แสงไฟ สวยงาม ให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้มาเก็บภาพ อีกทั้งของขายเยอะดี ทั้งงานศิลปะ เสื้อผ้า ที่สำคัญ ของกินนนนนนนน สายแดกต้องชอบแน่ๆ เพราะได้กินตลอดทางเลย และยังได้สัมผัสกับบ้านไม้เก่าๆ โบราณๆ ที่หาดูได้ยาก
 ที่ถนนคนเดิน วันเสาร์ 6 โมงคนก็เริ่มเยอะแล้ว

เดินผ่านร้านนี้ ก็ได้แต่คิดในใจ เดี๋ยวต้องมาโดนแน่ๆ เชื่อดิ

ที่นี่ ส่วนใหญ่จะขายขนม มะพร้าวแก้ว รองมาก็จะเป็น พวกกุ้งเสียบไม้ หอยย่าง ปูย่าง เมี่ยงคำ อะไรแบบนี้
 เค้าว่า กุ้งจะจับมาจากแม่น้ำโขงเลย
 ข้าวเกรียบโบราณ





ชาพะยอม จะไปกับเราทุกที่


25 บาท ราคาเท่ากันทั่วประเทศ
 ร้านนี้เสื้อผ้าจะทำจากฝ้ายเป็นส่วนใหญ่

 ถ้ากุ้งเสียบไม้ยังไม่สะใจ ต้องโดน ก้อยกุ้งแม่น้ำโขง


งานฝีมือ




 งานศิลปะอาร์ทๆ
ชอบเฉยๆ หรอก เลยถ่ายมา

 มาถึงนี่ ต้องกินเมี่ยงคำ ไม่งั้นเหมือนไม่ได้มาอ่ะ


กินไปคำแรก อื้มมมมมม ผัก..... สักพักมีน้ำหวานๆ ไหลอยู่ในปาก มันเข้ากันดีนะ อร่อย
 น้องหมา ข้างทาง คนหยอดเงินกว่าเด็กที่เต้นข้างทางอีก 5555

อีกอย่างที่ไม่กินไมไ่ด้ นั่นคือ ปาท่องโก๋ยัดไส้ มีหลายร้านอยู่
เราสั่ง ไส้สังขยาใบเตย ราดด้วยนมข้น รสชาติก็งั้นๆ อ่ะ ไม่อร่อยแบบว้าววว แต่ก็ไม่เลวร้าย ก็ดี ราคา 20 บาท




 เดินกินยังไม่อิ่ม ขอผัดไทยบ้าง
 ผัดไทยสูตรโบราณ

 เดินใส่ห่อกินเลย รสชาติเฉยๆ จืดๆ 40 บาท



ตู้ ธ.ก.ส. ก็ทำให้เข้ากับบรรยากาศ อินในอิน ที่แท้จริง
 อยากได้มาก จะเอามาแก้เหงา จะซื้อไปฝากเพื่อน ก็คิดว่า เพื่อนคงมีหลายอันแล้ว
เดินวนครบ 3 รอบละ กลับที่พักได้

ซื้อขนม มานั่งกินริมระเบียงหน้าห้อง ก็ได้ฟิลดีนะ ที่พักแต่งไฟ สวยดี แบบบ้านๆ

 บอกแล้วว่า ก้อยกุ้งต้องมา


อิ่ม เข้าห้องนอน คงไม่ต้องบอกนะ ว่าจะทำอะไรกันต่อ มาไกลขนาดนี้ บรรยากาศก็ได้ ......... อิอิ

........................
........................
........................
 หลับ ZZZZzzZZzz

....................................................................

05.40 น. เช้านี้ เราจะไปสัมผัสอากาศหนาวกัน เราจะต้องเอาหน้าเราไปทระแทกกับความเย็นให้ได้เลย
เราจะปั่นจักรยานไป "ภูทอก" กัน อ่านไม่ผิดหรอก จะปั่นจักรยานไป ตามสไตล์อ่ะ ประมาณ 8 กิโลเอง เอง เอง เอง เองงงงงงงงงงงงงง

โดยส่วนมาก ถ้าใครจะไปภูทอก จะมีรถสกายแลปไว้บริการ มารับถึงหน้าที่พัก คนละ 100 บาท หรือถ้าอยากไปวัดพุทธบาทภูควายเงิน ก็จะราคาเพิ่มตามไปด่้วย ถ้าไปหมดทุกที่ไม่รู้มีอะไรบ้างจับใจความได้ว่า 400 บาท // ไม่ได้แดกกูหรอก 555555555555555555

อาบน้ำแต่งตัวกันเลย 6.00 น. ล้อหมุน

ดูหมอกระหว่างทางด้วยจ๊าาาาาาาาาาาาาา กระแทกหน้าสมใจ มาทางเดียวกันกับแก่งคุดคู้ แต่เราจะเลยไปอีก ปั่นไปจนกว่าจะเห็นป้ายอีกนั่นแหละ
 ปั่นไปเรื่อยๆ เอะ เริ่มเปียกละ
โชคดีที่เราเอาฮิญาบมา 5555 หลอกๆ ผ้าพันคอเราเอง กะแบบฟิลหนาวๆ ปั่นจักรยาน ผูกผ้าพันคอไง แต่ความจริงคือมันไม่ใช่อ่ะ ตัวเปียก หัวเปียก ต้องเอาผ้ามาคุลมแทน
 จักรยานของเราเอง
 และเราก็ถึงตีนภู แล้ววววว
 ถ้าใครหิว แวะกินก่อนได้
ยินดีต้อนรับจ๊าาาาา
 ถ้าเราจะขึ้นไปชมทะเลหมอก เราจะต้องซื้อตั๋วรถ คนละ 25 บาท ขึ้น-ลง เท่านั้น ไม่อนุญาติให้ขับขึ้นไปเอง เพราะไม่มีที่จอด และต้องใช้ความชำนาญ
 คนต่อคิวไม่เยอะเล๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

รถของเรามาแล้วววววว
 ระหว่างทางขึ้น หมอกหนามาก และทางก็คดเคี้ยว
 ขับประมาณ 15 นาที ก็ถึงด้านบน
แล้วทุกคนก็ต้องอึ้ง ............. เพราะหมอกหนามาก ลอยสูงจนมองอะไรไม่เห็นเลย 5555
แต่ไม่เป็นไร เราจะหาอะไรเล่นจนกว่า แดดจะละลายหมอก
 สวยมั้ยยยย
เค้าบอกว่า บางวันก็ไม่มีนะ
 ภูทอก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเชียงคาน เป็นภูเขาเล็กๆ แต่กลัยมีเสน่ห์ เป็นจุดชมวิว ชมความงามของ ชแม่น้ำโขง ในฤดูฝน หรือฤดูหนาว จะปกคลุมไปด้วยผ้าห่มหมอก ถ้าขึ้นมาที่นี่จะเห็นทะเลหมอกได้รอบทิศเลย

 กระแทกชัตเตอร์
ดูทะเลหมอกจนจุใจไปแล้ว เราก็ต้องต่อคิวรถลงมาที่ตีนเขา และปั่นจักรยานกลับอีก 8 กิโล 5555555 สงสารตูดตัวเอง
 เมื่อวานเจอโจ๊ก อร่อยสมใจ จนสาแก่ใจไปแล้ว วันนี้ได้บอกกับตัวเองว่า มื้อนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน
น้ำดื่มฟรี
 ไข่กระทะ ก็ไข่ มันก็ต้องปกติปะ ถ้าทอดไข่แล้วกินไม่ได้ ก็ไม่รู้จะว่าไงละ
 ต้มเส้นใส่ไข่ รสชาติปกติ
ไข่กระทะ 2
ต้มเส้น 1

รวมทั้งหมด 105 บาท

 วันนี้ เค้ามีงานแต่งด้วย งานแบบบ้านๆ น่ารักดี
 อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่กินไม่ได้ ไอติมกระทิ ลุงเติบ
 ตอนแรกไม่เชื่อ อิป้าที่ซื้ออยู่ บอกอร่อย เอาไปเลยคนละถ้วย แต่ไม่อ่ะ เอามาคนละถ้วยก่อนกันเหนียว

 อีกชามเป็นเส้นเล็ก รสชาติ แบบอ่าสสสสส์ มันดีมาก อร่อยเลยอ่ะ ไก่ให้อย่างละอัน มีน่องอันใหญ่ ตีนใหญ่มากกกก และปีก อีก1 ชิ้น

ชามละ 40 บาทเองแกรรรร ซอย 10 ต้องไปแดกจริงๆ
 ของคาวเสร็จ ต้องต่อด้วยของหวาน เรากะจะแวะไปนั่งคาเฟ่ กินเค้กกัน แต่มันต้องผ่านร้านไอติืม ลุงเติบก่อนงะ ก็ต้องแวะดิ 55555 จัดไปอีกคนละถ้วย สมใจ
 กระทิที่แบบ เป็นกระทิจริงๆ หอม หวาน ฟินมากกกกกกกกกกกกกกก
หน้าร้าน น่ารัก ดึงดูด

 ฮันนี่ชีสเค้ก
 เค้ก มะรุม ใช่ปะวะ 5555 ลืมอ่ะ
 มีมุมให้ถ่ายรูปด้วยยยยย
คืนวันอาทิตย์ คนบางตากว่าวันเสาร์ แต่ก็ยังคงมีเดินประปราย
 ยังคงอยากได้อยู่








 เวลาเกือบทุ่ม เราเดินมาตามทางเรื่อยๆ เพื่อมาที่ตลาดสด ที่ขึ้นรถทัวร์ จะอยู่ละแวกตลาดสดทุกคัน
 นี่ไง โรงหนังสมัยก่อน
แอบหิวนิดหน่อย มาหาอะไรกินที่ตลาดก่อนขึ้นรถ
อันละ 10 บาท รสชาติเลวร้ายมาก จืดสนิท ด้านในกลวง ยกไม่ได้หลุดจากไม้ตลอด เรากินไม่หมด ส่งให้หมา หมายังมองค้อนเลยอ่ะ TT
 บรรยากาศตลาดสด

ขากลับเราใช้บริการของ แอร์เมืองเลย ..... ฮักคุณ เดี๋ยวเรามาดูกันว่า จะรักขนาดไหน
จากที่เราอ่านรีวิวมา 99% ด่าหมดเลย 5555555555 รถเลทบ้าง เก่าบ้าง รับคนตลอดทาง เบาะเอนไม่ได้ เราต้องพิสูจน์ จริงๆ ไม่ได้อยากจะจองของที่นี่หรอกจากใจเลย แต่มันไม่มีรถกลับไง อยากน้อยก็ได้ VIP ล่ะวะ เดี๋ยวมาดูกันว่า VIP 27 ที่นั่ง แอร์เมืองเลยจะโดนใจแค่ไหน ฮ่าๆๆๆๆ

ขากลับจองออนไลน์ เรียบร้อย ราคา ที่นั่งละ 480 บาท

จุดที่เรารอขึ้นรถ คนประปราย บางตาเมื่อเทียบกับของ บขส
 นี่ไง รถของเราาาาาา
นั่งรอจนกว่าจะ 1 ทุ่ม มีห้องน้ำบริการ ตั๋วสามารถใช้เป็นส่วนลดได้ที่จุดพักรถ ใบละ 20 บาท

ขึ้นมาแล้ววววว เบาะกว้างงงงงง สมกับเป็น VIP มาพร้อมกับผ้ากห่มสีเขียว ไม่มีห่อ กลิ่นผ้าสะพรึงมาก ห่มขายังสงสารขาเลย ผื่นจะขึ้นมั้ย
 รถเก่าแหละ ไม่สะอาด เหมือนไม่เคยล้างอ่ะ
ยังดีมีที่ชาร์จแบตให้เสียบ คนละ 2 รู
นี่ทำความสะอาดรถแล้วหรอ // ตัดภาพไปที่ตอนเดินผ่านของ บขส เค้ากำลังล้างรถกันอยู่ 555
อาหารบนรถ
ขนมปัง น้ำเปล่า จบ 555555555

บันทึก เที่ยวกับติส TisDiary

รวม                                               4,063 บาท ตกคนละ 2,031 บาททททท